วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วิธีเกี่ยวกับการกรวดน้ำ

กรวดน้ำ คือ การตั้งใจอุทิศส่วนบุญกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมทั้งรินน้ำให้ไหลลงไปที่พื้นดินหรือที่รองรับ แล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่ง หรือรพที่โคนต้นไม้ก็ได้
เพื่อให้จำง่ายไม่สับสน จึงแยกเป็นข้อๆ ดังนี้
1. การกรวดน้ำ มีสองวิธีคือ
กรวดน้ำเปียก คือใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
กรวดน้ำแห้ง คือไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนม อธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้
2. การอุทิศผลบุญมี สองวิธีคือ
อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น พ่อ แม่ ลูก หรือใครก็ได้
อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆ กันไป เช่น ญาติทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น
ทางที่ถูก ควรทำทั้งสองวิธี คือ ผู้ที่มีคุณหรือมีเวรต่อกันมากเราก็ควรอุทิศเจาะจงที่เหลือก็อุทิศรวมๆ
3. น้ำกรวด ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสีและกลิ่น และเมื่อกรวดก็ควรรินลงในที่สะอาดหรือไปเทในที่สะอาด อย่ารินลงกระโถนหรือที่สกปรก
4. น้ำเป็นสื่อ-ดินเป็นพยาน การกรวดน้ำ มิใช่จะอุทิศไปให้ผู้ตายกินน้ำ แต่ใช้น้ำเป็นสื่อและใช้แผนดินเป็นพยานให้รับรู้ในการอุทิศส่วนบุญ
5. ควรกวดน้ำตอนไหน ควรกรวดน้ำทันทีที่ในขณะที่พระอนุโมทนา แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่าด้วยเหตุสองประการคือ
- ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที
- การรอไปกรวดที่บ้าน หรือกรวดภายหลังบางครั้งก็อาจลืมไป ผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย
6. ควรรินน้ำตอนไหน ควรเริ่มรินน้ำพร้อมกับตั้งใจอุทิศในขณะที่พระผู้นำเริ่มสวดว่า “ยะถา วาริวะหาปูรา..........”และรินให้หมดในเมื่อพระว่ามาถึง “......มะณิโชติระโส ยะถา.....” พอพระทั้งหมดรับพร้อมกันว่า “สัพพีติโย วิวัชชันตุ.....” เราก็พนมมือรับพรท่านไปจนจบ จึงจะถือว่าถูกต้อง
7. ถ้ายังว่าบทกรวดน้ำไม่เสร็จ จะทำอย่างไร ก็ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆ หรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น “อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขออุทิศส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่............... และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด”
หรือใช้แต่ภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ว่า “ขออุทิศส่วนบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนี้จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ”
ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว หรือกรวดในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้
ข้อสำคัญ ถ้าเป็นภาษาพระ ควรจะรู้คำแปล หรือความหมายด้วย ถ้าไม่รู้ความหมายก็ควรใช้คำไทยอย่างเดียวดีกว่า เพราะป้องกันความโงงมงายได้
8. อย่าทำน้ำสกปรก ด้วยการเอานิ้วไปรอไว้ ควรรินให้ไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ และไม่ควรใช้วิธีเกาะตัวกันเป็นกลุ่มหรือเป็นทางเหมือนเล่นงูกินหาง
ถ้าเป็นในงานพิธีต่างๆ ให้เจ้าภาพหรือประชาชน รินน้ำกรวดเพียงคนเดียว หรือคู่เดียวก็พอ คนนอกนั้นก็พนมมือตั้งใจอุทิศไปให้
9. การทำบุญและอุทิศส่วนบุญ ควรสำรวมจิตใจ อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน ปลูกศรัทธา ความเชื่อ และปสาทะความเลื่อมใสให้มั่นคงในจิตใจ ผลของบุญและการอุทิศส่วนบุญ ย่อมมีอานิสงส์มาก
ผลบุญที่เราอุทิศไปให้ ถ้าไม่มีใครมารับก็ยังคงเป็นของเราอยู่ครบถ้วน ไม่มีผู้ใดจะมาโกงหรือแย่งชิงเอาไปได้เลย
10. บุญเป็นของกายสิทธิ์ ยิ่งให้ยิ่งมาก ยิ่งตระหนี่ยิ่งน้อย ยิ่งอุทิศให้คนอื่นหมดเลย เราก็ยิ่งจะได้บุญหมดเลย

วิธีแก้กรรม

         การจุดธูปขอขมากรรมกลางแจ้งหรือหน้าพระพุทธรูป และถวายของทั้งหมดก่อนใส่บาตร
การทำบุญอุทิศให้วิญญาณ ควรมีของดังนี้ สังฆทาน ๑ ถัง อาหารคาวหวาน ๑ ชุด น้ำ ผลไม้ พระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๕ นิ้ว ผ้าจีวร ๑ ชุด

         หมายเหตุ.- พระพุทธรูปจะทำให้มีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือ พรหม เขาถือความสว่างของร่างกาย ถ้ามีผ้าจีวรด้วยก็ยิ่งดี และถ้ามีอาหารด้วยความเป็นทิพย์ของร่างกายจะมีมากกว่าเก่า
เมื่อทำบุญแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่สิงอยู่ แล้วพูดต่อว่า “บุญใดที่ฉันบำเพ็ญมาแล้ว ตั้งแต่ต้นในอดีตถึงปัจจุบันชาติ ผลของบุญนี้จะมีประโยชน์ ความสุขแก่ฉันเพียงใด ขอให้วิญญาณตัดขาดจากกันบัดนี้เป็นต้นไปเทอญ จงอนุโมทนาผลบุญนั้น และรับผลบุญเช่นเดียวกับฉัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

...................................................

กรรมของทุกชาติทุกภพ อาจจะเป็นหนึ่งล้านวิญญาณหรือแสนๆ ล้านวิญญาณ เพราะเราตายเกิดก็ล้านๆ ชาติภพ เจ้ากรรมนายเวร วิบากกรรมของทุกชาติภพจะตามเรามา วินาทีแรกที่ปฏิสนธิในท้องแม่บุญและบาปกี่ล้านวิญญาณ กี่ล้านมหากุศลก็จะมาเสวยในภพที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ขณะที่เรามีความสุขสบายก็เสวยบุญ ขณะที่ทุกข์ระทมก็เสวยบาปของภพชาติก่อนๆ กี่ล้านชาติก็หารู้ไม่ อาจเกิดในสมัยชมพูทวีป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๑ ก็ได้ อาจจะเป็นกี่แสนมหากัปเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น เพราะมนุษย์เป็นผู้มีจิตอ่อนแอ หวั่นไหวต่อโลกธรรม ๘ เพราะฉะนั้นบุญและบาปของชาติปัจจุบันนี้ อาจจะเสวยอีก ๑๐๐ ชาติข้างหน้าก็ได้ เพราะต้องจบสิ้นบุญ และกรรมของชาติภพก่อน เป็นลำดับ ตามขั้นตอน จะมาแซงคิวก็ไม่ได้ ผู้รู้มีปัญญาจะพยายามทำกุศลต่อเนื่อง และสร้างบุญบารมีไม่ขาดสาย ทำได้เท่าที่ทำได้ โอกาสพร้อม และควรทำบุญด้วยปัญญา ทำบุญมากอาจได้บุญน้อยก็ได้ เรียกว่า หลงบุญ ทำบุญด้วยคุณภาพ คือปัญญาทางธรรมเกิดเป็นมหากุศลต่อเนื่อง จบสิ้นถึงขั้นพระอรหันต์ผลได้
....................................

วิธีแก้กรรมให้ตนเอง

เวลาที่ทำบุญหรือทำความดีอะไรทุกครั้ง นอกจากจะทำบุญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแล้ว เช่น การใส่บาตร การถือศีล และอื่นๆ การพูดคุยธรรมะ การช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ ชี้แนะทางแก้ไขปัญหาชีวิต การทำความสะอาดห้องพระ การถวายน้ำเปล่าแก่พุทธเพียง ๑ แก้ว การร่วมอนุโมทนาการทำความดีของผู้อื่น โดยการใช้จิตน้อมไปทางบุญกุศล การกวาดใบไม้ทำสวน การทำความสะอาดห้องน้ำของส่วนรวม ความที่มีจิตใจดีหรือตั้งใจดีทั้งหมด การดูแลคนแก่ เด็ก ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นมหากุศลทั้งสิ้น ให้ตั้ง นะโม ๓ จบ ทุกครั้ง (ขอให้พระพุทธเจ้าเป็นพระประธาน) เพราะบารมีพระพุทธเจ้าเปิด ๓ ภพ (โลก) สวรรค์ มนุษย์ นรก เจ้ากรรมนายเวร จะอยู่ภพภูมิไหน เช่น นรกขุมสุดท้าย (๑๘) เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมหมดรวดเร็ว แล้วควรกรวดน้ำลงดินทุกครั้ง แม่พระธรณี แม่พระคงคา เป็นทิพย์พยาน เพราะท่านก็สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ลูกได้ทำความดี เช่น ทำบุญกุศลใส่บาตร ฯลฯ ขอถวายบุญกุศลแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ขอให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ลูกมีเดช ปัญญา โภคะ (ความสมบูรณ์) เพื่อจะได้อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร (วิญญาณโปร่งใส) ทุกภพทุกชาติ ศัตรูหมู่มารหรือหมู่พาล คือ มนุษย์ เช่น บริวาร ญาติ มิตร คนรับใช้ สามี บุตร ธิดา ทุกภพ ทุกชาติ ขอให้ได้รับมหากุศลนี้ รับแล้วขอให้อโหสิกรรม ให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้ บัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีบุญบารมี สูงขึ้นๆ ๆ เต็มขึ้น เพื่อจะได้ช่วยสังคม ให้สูงขึ้น และช่วยสร้างคนให้เป็นพระ เกิดปัญญาทางธรรม (จิตสัมผัส รู้ ชั่ว ดี เลว เหตุการณ์ล่วงหน้า) ปัญหาทางโลกทุกคนมีอยู่แล้วจาก พ่อแม่ แต่ขาดปัญญาทางธรรม ถ้าได้จะประสบแต่ความสำเร็จ สมบูรณ์ พูนสุขทุกอย่าง เพราะบุญ คือขุมทรัพย์ ลาภยศจะมาเอง แล้วยังช่วยผู้อื่น ครอบครัวได้ด้วย (กรรมเวรแก้ไขได้โดยการขอขมากรร และส่งวิญญาณด้วยการสร้างพระสะดุ้งมารขนาด ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว เป็นการต่อชะตาชีวิต)
ถ้าเจ้ากรรมนายเวรจากส่วนหนึ่ง ส่วนใดของร่างกายบริเวณที่เจ็บป่วย ได้อโหสิกรรมจะหายเจ็บป่วยทันที ถ้าเป็นโรคหัวใจวิญญาณจะอยู่บริเวณนั้น

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บุญกุศล คือ อริยทรัพย์

ชาวโลกรู้จักแต่ทำการค้า เพื่อเพิ่มทรัพย์สมบัติเก็บไว้ให้บุตรหลานไม่รู้จักสร้างสมบุญบารมี เพื่อให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่บุตรหลาน ทรัพย์สมบัติเป็นรูปธรรมที่มองเห็น บุญกุศลเป็นอริยทรัพย์ที่มองไม่เห็น การเก็บทรัพย์สมบัติไว้ให้บุตรหลาน ก็ไม่แน่ว่าบุตรหลานจะสามารถรักษาไว้ได้ถ้าหากบุตรหลานอกตัญญู ไม่สืบทอดเจตนารมณ์ รู้แต่ใช้ รู้แต่ผลาญ ไม่ยอมประกอบอาชีพ การเก็บสมบัติไว้ให้บุตรหลานมากเกินไป กลับจะเป็นโทษแก่บุตรหลาน ภาษิตว่า “สอนลูกหนึ่งวิชา ดีกว่าให้ทองพันตำลึงแก่ลูก” ซึ่งเป็นการเตือนใจพวกปู่โสมเฝ้าทรัพย์
การสร้างกุศลเพื่อให้บุตรหลานเจริญ เป็นอริยทรัพย์ที่มองไม่เห็นผู้ที่สร้างสมบุญกุศลย่อมได้บุตรหลานที่ดี ฉลาด และกตัญญู เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ภาษิตกล่าวว่า “ลูกหลานมีบุญวาสนาของเขาเองอย่าเป็นวัวควายให้ลูกหลาน” ดังนั้นจงให้ความสำคัญแก่อริยทรัพย์ที่เป็นนามธรรมคือ บุญกุศล
อนึ่งการทำบุญสร้างกุศล พึงจำไว้ว่าปัจจัยเงินทอง หรือสิ่งของที่บริจาคจะต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ ถูกต้องไม่เป็นเงินที่ได้มาโดยการประกอบอาชีพต้องห้าม ดังนี้
๑. ค้าขายมนุษย์
๒. ค้าขายสัตว์มีชีวิต
๓. ค้าขายอาวุธ เครื่องมือฆ่าประหัตประหาร
๔. ค้าขายยาพิษ
๕. ค้าขายยาเสพติด ของมึนเมาอันทำลายสติและชีวิต
“มิจฉาวณิชชา” การค้าขาย ๕ อย่างนี้ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติมิให้อุบาสก อุบาสิกา กระทำโดยเด็ดขาด

ปล่อยสัตว์ชีวิตยืน

โดย.. กังเต็งกุ่ย
นายเล้าเก้งเป็นคนสมัยราชวงศ์หมิง บิดาเขาเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นหัวหน้ากรมราชทัณฑ์ เล้าเก้งตอนเยาว์วัยร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยเป็นประจำ พี่ชายทั้งห้าของเขาล้วนมีอายุสั้น ด้วยเหตุนี้ หัวหน้ากรมราชทัณฑ์จึงเป็นห่วงใยต่อบุตรชายคนเล็กสุดมาก เขาได้เชิญหมอดูให้มาพยากรณ์หลายท่าน โชคไม่ดีทุกคนต่างพูดว่าพ้นจากอายุ ๑๙ ได้ยาก
บังเอิญมีหมอดูมาจากเสฉวนเรียกว่า จิวสือเหลียน มายังเมืองหลวงท่านหัวหน้ากรรมราชทัณฑ์ก็รีบเชิญให้มาดูดวงชะตาของ เล้าเก้ง หลังจากดูดวงชะตาของเล้าเก้งแล้วก็พูดว่า “เธอจะผ่านด่านอายุ ๑๙ ลำบากแต่ก็อย่าสิ้นหวังเสียทีเดียว ให้ขยันสำนึกบาปกรรม ทำบุญสร้างกุศล ก็อาจผ่านพ้นไปได้”
เล้าเก้งตอนนี้อายุเพียง ๑๗ ปีได้ฟังคำของจิวลือเหลียนแล้ว เขาก็ตั้งใจไม่ทำบาป แล้วยังหมั่นทำความดีสร้างกุศลมากมาย โดยเฉพาะเขานำเอาตารางกุศลของท่านศาสดาไท้เสียงเล้ากุง มาเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติทุกๆ วัน จะสำรวจสิ่งที่ได้ทำความดีขึ้นครั้งหนึ่งก็จะเขียนวงกลมบนฝาผนังทางทิศตะวันออกด้วยสีแดง ถ้าเกิดคิดชั่วก็เขียนวงกลมด้วยสีดำทางทิศตะวันตก สิ่งที่ทำมากคือไม่ฆ่าสัตว์ทั้งยังปลดปล่อยสัตว์จำนวนมาก ไม่กล้าขี้เกียจ ปฏิบัติอยู่ ๓ ปี เขาก็ผ่านด่านลำบากอายุ ๑๙ ปีไปได้
มีวันหนึ่งเขานั่งเรือจะข้ามแม่น้ำแยงซี เห็นชาวประมงคนหนึ่งจับเต่าดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เล้าเก้งเห็นแล้วก็เกิดใจเมตตา จึงขอซื้อมาปล่อย เต่าดำตัวนั้นรู้ ก็ยังว่ายน้ำติดตามเรือมาได้ ๕-๖ ลี้ เหมือนมีเยื่อใยไม่ยอมจาก ในคืนนั้นขณะที่เล้าเก้งค้างแรมที่โรงแรมก็ได้ฝันเห็นนักพรตใส่เสื้อสีดำ ที่อ้วนเตี้ยคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ คุณชายสร้างบุญกุศลมาตลอดสามปี ไม่ขี้เกียจ ตอนนี้ท่านก็มีอายุยืนยาวแล้ว แต่ร่างกายอ่อนแอ ก็ไม่พ้นจากอากาศร้อนเย็นที่อันตรายได้ ข้านักพรตอยากจะถ่ายทอดเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ให้นำไปปฏิบัติก็จะปกป้องให้เป็นสุข ปราศจากโรคภัย” พูดจบก็สอนวิธีหายใจให้แก่เล้าเก้ง เมื่อเล้าเก้งตื่นก็รู้ว่าเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์มาตอบแทนคุณ และก็ฝึกฝนตามวิธีที่ได้ฝันมา ปรากฏว่านับวันร่างกายก็แข็งแรงดีขึ้นตามลำดับ
ภายหลังก็ได้เชิญหมอดูจิวลือเหลียนมายังเมืองหลวงอีกเพื่อตอบแทนพระคุณเมื่อครั้งก่อนที่สั่งสอน คืนนั้นก็ได้เข้านอนกับเล้าเก้งด้วย จิวลือเหลียนตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนรู้สึกว่าเล้าเก้งหายใจแผ่วเบามาก เช้าวันรุ่งขึ้นหมอดูจิวก็พูดกับหัวหน้ากรมราชทัณฑ์ว่ายินดีกับท่านด้วย หลายปีมานี้คุณชายของท่านเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อคืนข้านอนกับเขา จึงรู้ว่าเขาได้ฝึกการหายใจแบบเต่า ไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรงยังทำให้อายุยืนด้วย นี่คือผลสนองจากการบำเพ็ญกุศล ต่อมาเล้าเก้งมีอายุถึง ๙๘ ปี ลูกหลานโด่งดัง ซึ่งตรงกับคำทำนายของจิวลือเหลียน

ฆ่าชีวิตทำลายดวงดี

โดย.. เซี้ยงง้วน
เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริง ข้าพเจ้าเห็นมากับตาตนเอง เรื่องเป็นอย่างนี้คือ บ้านข้าพเจ้าอยู่ข้างศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งศาลเจ้านี้มีจิตเมตตาช่วยเหลือชาวบ้าน เมื่อท่านประสบเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ศาลเจ้าก็มีวิธีการช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน แต่ขอบอกกล่าวไว้ก่อน ศาลเจ้านี้เขาไม่รับเงินรับทองแม้แต่เล็กน้อย ถ้าหากท่านศรัทธาจะใช้เงิน ทางศาลเจ้าก็จะบอกท่านให้ไปช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
มีอยู่วันหนึ่ง มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งอายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ ได้มาที่ศาลเจ้านี้เพื่อให้ทางศาลเจ้าช่วยแก้ไขดวงชะตา เธออ้างว่าระยะหลังนี้ดวงชะตาของเธอแย่มาก จะทำอะไรก็มีแต่ปัญหาลูกๆ ของนางก็เจ็บป่วยเป็นประจำ ชีวิตประจำวันก็มักมีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเสมอ จึงมาของการชี้แนะว่าจะมีสาเหตุจากอื่นๆ อะไรหรือไม่
เมื่อผ่านการคำนวณชะตาราศีของเจ้าแล้ว พบว่าดวงชะตาช่วงนี้ควรเป็นเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดจึงจะถูก คงต้องไปตรวจที่อยู่ ว่าแล้วเจ้าก็ไปสำรวจที่อยู่อาศัยก็ไม่พบบรรพชนหรือวิญญาณร้ายใดทำเรื่อง ในที่สุดก็หันมาสำรวจที่ตัวผู้หญิง แล้วก็พูดออกมาว่า สาเหตุอยู่ที่ตรงนี้เอง จึงถอนหายใจพูดว่าเธอปกติชอบฆ่าสัตว์มากเกินไปไม่ว่าจะเป็น เต่า งู เป็นต้น ถึงแม้ว่าวิญญาณของสัตว์เหล่านี้จะเล็ก แต่เมื่อถูกเธอฆ่ามัน เป็นจำนวนมาก พวกมันเมื่อถูกฆ่าวิญญาณแค้นยังไม่ละลายหายไป ทั้งล้วนอยู่ข้างๆ ตัวเธอ กลายเป็นควันดำคลุมตัวเธอไว้จึงปิดกั้นดวงชะตาของเธอ ถึงแม้จะไม่เกิดเรื่องใหญ่โตอะไร แต่ต่อไปควรระมัดระวังอย่าได้กระทำอีก
หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ดึงมือเธอมาอีกมุมหนึ่งของศาลเจ้า ที่แท้เธอชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม้แต่พวกมดที่สนามหน้าบ้านจะไม่รบกวนทำร้ายเธอก็ตาม เธอก็เที่ยวเดินหารังมดแล้วเอาน้ำร้อนราดจนตาย เวลาเดินไปพบเห็นผีเสื้อก็จะไล่ตี เห็นหนอนตัวเล็กๆ เธอก็จะตีให้ตาย นี่ไม่ต้องสงสัยเลยเบื้องบนเมตตาให้มาเกิด หนอนแมลงก็เจ็บปวดเหมือนกัน มีหนอนบางอย่างไม่ทำร้ายเธอ เธอก็ยังต้องไปทำให้มันตาย อย่างนี้ถือว่าไม่เมตตา ใจฟ้าเมตตา คนไม่เมตตา เบื้องบนก็จะทำลายบุญตัดอายุ แล้วก็ส่งเคราะห์ภัยมาให้ นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนหวังว่า พวกท่านจะเอาเรื่องนี้เป็นสิ่งควรสังวรณ์